คณะทีมประเทศไทย ประกอบด้วย กงสุลใหญ่ ณ เมืองเจนไน นางสาวกนกพร โชติปาล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนต่างประเทศ เมืองมุมไบ นายธราดล ทองเรือง ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเจนไน และนางสาวพรพิมล สุคันธวณิช รองกงสุลใหญ่ และนาย Satish Kumar เจ้าหน้าที่กงสุล ได้เดินทางไปเขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองวิสาขปัทนัม เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 โดยคณะได้พบกับ Dr. G. Trinadh Kumar ตำแหน่ง Joint Development Commissioner พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ซึ่งได้ให้การต้อนรับ และประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับกงสุลใหญ่ฯ และคณะ

 เขตเศรษฐกิจพิเศษเมือง Visakhapatnam (Visakhapatnam Special Economic Zone: VSEZ) ตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 โดยในช่วงดังกล่าวได้ถูกจัดตั้งให้เป็นเขตอุตสาหกรรมส่ผู้งออก (Export Processing Zone: EPZ) จากนั้นจึงได้ยกระดับขึ้นมาเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเมื่อปี 2546  ปัจจุบัน เขต VSEZ มีพื้นที่รวม 360 เอเคอร์ และได้ให้บริการในลักษณะ One-Stop-Service ตั้งแต่  การยื่นขออนุญาตการลงทุนและดำเนินกิจการ การขอใช้พื้นที่ตั้งโรงงานในเขต VSEZ การขอยกเว้นภาษี เป็นต้น โดย VSEZ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Ministry of Commerce & Industry, Government of India และได้จัดตั้งสำนักงานย่อยที่เมือง Hyderabad เพื่อให้บริการแก่นักลงทุนด้วย

ปัจจุบัน มีโครงการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการธุรกิจ/ลงทุนในเขต VSEZ รวม 109 โครงการ และได้เปิดดำเนินการไปแล้ว 43 โครงการ ในช่วงปี 2556-2557 มีเม็ดเงินลงทุนใน VSEZ รวม 1.2 หมื่นล้านรูปี และมีมูลค่าการส่งออกรวม 2.1 หมื่นล้านรูปี ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 8 พันตำแหน่ง

ความเป็นมาของการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic  Zone: SEZ) เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2508 ในช่วงที่รัฐบาลอินเดียได้มีนโยบายให้จัดตั้งเขตอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก (Export  Processing Zone: EPZ) โดยเริ่มที่รัฐคุชราตเป็นแห่งแรก จากนั้น จึงได้มีการจัดตั้ง Export Oriented Unit (EOU) ขึ้นเมื่อปี 2523 และจัดตั้ง SEZ ขึ้นเมื่อปี 2543 โดยได้มีการออกกฎหมาย SEZ บังคับใช้เมื่อปี 2548  การจัดตั้ง SEZ มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าและบริการ ส่งเสริมการลงทุนทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ สร้างงานและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเดิบโตทางเศรษฐกิจ

ในด้านของสิทธิประโยชน์นั้น ผู้ลงทุนในเขต SEZ สามารถใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีวาระการเช่านาน 5 ปี และสามารถต่ออายุได้จนกว่าจะเลิกกิจการ (เฉพาะของ VSEZ) และจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องของใบอนุญาตการนำเข้าสินค้า ไม่มีข้อจำกัดในการถือหุ้นของบุคคลต่างชาติ (ยกเว้นสาขาที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินงาน เช่น การผลิตอาวุธและนิวเคลียร์) และได้รับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศด้วย  สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้น ประกอบด้วย (1) สิทธิประโยชน์สำหรับ Developers  ซึ่งจะได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีเงินได้รวม 15 ปี ได้รับยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักร อุปกรณ์สำหรับดำเนินงาน ได้รับยกเว้นภาษี Service Tax และ Dividend Distribution Tax และ (2) สิทธิประโยชน์สำหรับ Investors ซึ่งจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ปีที่ 1-5  ได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้ร้อยละ 50 ในปีที่ 6-10 และได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้  ร้อยละ 50 ในปีที่ 10-15 สำหรับการนำผลกำไรกลับมาลงทุน รวมถึงได้รับยกเว้นภาษี Capital Gain Taxหากย้ายมาลงทุนในเขต SEZ ได้รับยกเว้นภาษีนำเข้า ภาษีสรรพสามิต ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษี Service Tax ด้วย

ปัจจุบัน (ข้อมูลปี 2557) ระบุว่า มีโครงการที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในเขต SEZ     ทั่วประเทศอินเดีย รวม 565 โครงการ และได้เปิดดำเนินการไปแล้ว 148 โครงการ ในช่วงปี 2556-2557 มีเม็ดเงินลงทุนใน SEZ  รวม 2.9 ล้านล้านรูปี (ข้อมูล ณ วันที่ 8 พ.ย. 2556) และมีมูลค่าการส่งออกปี 2556-2557 รวม 4.9 ล้านล้านรูปี ก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 1.28 ล้านตำแหน่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 2557)